รวม 8 ปัญหาการทำ SEO ที่คนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิด
ปัญหาการทำ SEO นี่เป็นหนึ่งในเรื่องที่อาจทำให้หลายคนสงสัยว่า ทำไมเราทำ SEO กับเว็บไซต์หรือเพจของเราแล้ว มันก็ยังไม่ได้ตามเป้า เพราะผลปรากฏว่าเว็บไซต์ของเรายังไม่ขึ้นมาในหน้าแรกหรืออันดับต้นๆของ Google ได้เท่าที่ควร
ดังนั้นวันนี้เราจึงรวมเอา ปัญหาการทำ SEO ที่พบบ่อย 8 ข้อ ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคนเข้าใจผิด แล้วทำให้การ SEO ยุคใหม่อาจจะให้ไม่ได้ผลลัพธ์ตามเป้าหมายที่คาดไว้ด้วยครับ
1.คนทำ SEO แบบเดิมชอบเน้นที่ Keyword เกินไป
เพราะในระยะยาวแล้ว การทำ SEO ให้ได้ผลจะไม่ได้ขึ้นอยู่กับ Keyword เสมอไป
เดิมที แนวคิดการแท็กหรือใส่คำหลักมากๆ ที่เรียกว่า “Keyword Density” หรือ “การใช้ความหนาแน่นของคีย์เวิร์ด” เคยเป็นกลยุทธ์หลักข้อหนึ่งที่คนทำ SEO และเจ้าของเว็บไซต์ต่างๆมักนำมาใช้กันมาก เพราะเชื่อว่าการแท็กคำหลักเข้าไปในเนื้อหาหรือ Content นั้นมากๆแล้วก็จะช่วยดันอันดับของเว็บไซต์หรือเพจนั้นๆให้ขึ้นมาบนหน้าแรกของ Google ได้รวดเร็ว และทำให้คนมองเห็นมากขึ้น
แต่เวลานี้โลกเปลี่ยนแปลงไปแล้ว การเน้น “Keyword Density” ไม่ได้เป็นตัวการันตีว่าเว็บไซต์ของคุณจะติดหน้าแรกของ Google ได้นานๆหรือยั่งยืนอีกต่อไปแล้วครับ สาเหตุสำคัญมาจากการเปลี่ยนแปลงอัลกอริธึมของ Google และการฟีดหน้าจอของ Facebook ที่มีความสามารถในการจับคำและเนื้อหาได้ดีขึ้น รวมถึงการจำกัดคำหลักต่อเนื้อหา 500 คำ ให้ลดน้อยลงไปด้วยนั่นเอง
2.เชื่อว่าจ่ายมาก จะช่วยดันให้อยู่อันดับสูงๆ
การจ่ายค่าโฆษณา หรือจ่ายค่าทำ SEO ก็ไม่ได้การันตีว่าจะช่วยนำความสำเร็จมาให้เสมอไป ขึ้นอยู่กับประเภทของเว็บไซต์และธุรกิจของคุณด้วย ซึ่งก็เกี่ยวข้องกับแบรนด์ของคุณเองเช่นกันว่าเข้มแข็งแค่ไหน
ประโยชน์ของการทำ SEO ในช่วงหลายปีหลัง มีส่วนช่วยในแง่ของการทำให้เว็บไซต์หรือแบรนด์นั้นมีชื่อเสียงและค้นหาได้ง่ายขึ้น ซึ่งก็จะนำไปสู่คุณค่าของแบรนด์ที่เพิ่มขึ้นมาด้วย แต่นั่นแปลว่า ควรต้องมีเนื้อหาหรือ Content ที่ตรงกับความต้องการและปัญหาของผู้บริโภคเช่นกัน
ในขณะที่เทคนิคการตลาดของการทำ SEO บางครั้งอาจไม่สามารถช่วยให้ติดอันดับได้ในระยะยาว ซึ่งสุดท้ายแล้วถ้าเนื้อหาไม่ตอบโจทย์ของคนอ่านหรือลูกค้า อันดับก็จะร่วงไปด้วย
3.เชื่อว่าต้องลงบทความหรือ Content บ่อยๆ
โอเคว่า ต้องมีการหมั่นอัพเดทเป็นประจำทุกวัน อย่างน้อย 1-3 ครั้ง
แต่การลงบ่อยจนเกินไป ก็ทำให้การมองเห็นบนหน้าฟีดลดลงไปด้วย เช่น ถ้าลงมากกว่า 5-10 ครั้งต่อวัน หรือบทความและ Content ไม่มีคุณภาพเพียงพอ แล้วช่วงเวลาที่อัพเดทเนื้อหาก็มีความสำคัญ เพราะพฤติกรรมการเสพเนื้อหาบนโซเชียลหรือค้นหาใน Google ของคนเราก็เปลี่ยนแปลงไปด้วย จึงต้องคอยอัพเดทที่กลุ่มเป้าหมายของเราเช่นกัน
4.SEO ไม่ได้การันตียอดขายบนออนไลน์เสมอไป
ข้อนี้เป็น ปัญหาการทำ SEO ที่ละเอียดอ่อน
แม้ว่าธุรกิจออนไลน์ จำเป็นต้องทำการตลาดด้วยโฆษณาและ SEO เพื่อทำให้การเข้าถึงผู้บริโภคก็จริง แต่มันก็ไม่ได้การันตียอดขายเสมอไป เพราะบางครั้งกลายเป็นว่ากลุ่มเป้าหมายที่ต้องการให้เข้ามานั้น ไม่ใช่กลุ่มลูกค้าหลักของสินค้าและบริการที่เรามีอยู่
ดังนั้นการทำ SEO และทำโฆษณาทางออนไลน์ ก็ต้องคำนึงถึงข้อนี้ด้วย เพียงแต่ SEO ช่วยเพิ่มโอกาสที่คนจะมองเห็นมากขึ้น ทำให้แบรนด์ติดตลาดมากขึ้นเป็นหลัก
5.เน้นทำให้ได้ Backlinks แล้วจะดี จริงหรือ
การมี Backlinks นั้น โดยแท้แล้วจะมีคุณค่าก็ต่อเมื่อเป็น Backlinks แบบธรรมชาติ
แต่บางเว็บไซต์พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ Backlinks ไปจนถึงสแปมหรือนำไปแชร์ในกลุ่มและเว็บไซต์ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการของเราเลย ก็อาจจะทำให้เกิดเป็นกระแสด้านลบกลับมาแทนได้ ซึ่งตัวอย่างของพวกที่ทำด้านนี้แล้วถูกโจมตีมากก็คือเว็บขายเครื่องสำอาง ครีมออนไลน์ ไปจนถึงเว็บประเภทคลิกเบททั้งหลาย
6.คนทำ SEO รุ่นก่อนชอบเน้นที่ Meta Tag มากเกินไป
ไม่ปฏิเสธว่า การทำ Meta Tag หรือข้อความด้านล่างจากชื่อลิ้งก์หรือหัวเรื่องของเราที่จะมองเห็นบน Google นั้นเป็นเรื่องดี และสมควรทำอย่างยิ่ง เพราะจะช่วยเพิ่มโอกาสสำหรับคนที่กำลังค้นหา Keyword นั้นๆได้รู้สึกว่าเว็บของเราตอบโจทย์เขาได้ ยิ่งโดยเฉพาะ Keyword ที่มีการแข่งขันรุนแรง
แต่การทำ Meta Tag แล้วปรากฏว่าเนื้อหาข้างในกลับไม่ตอบโจทย์ แล้วทำแบบนี้บ่อยๆ ก็ไม่ใช่เรื่องดี เพราะจะทำให้ชื่อเสียงของเว็บเราเสียหายไปด้วย
7.บทความเน้น Keyword ที่หัวข้อ แต่แก่นในเนื้อหาแทบไม่เกี่ยว
ไม่ได้หมายความว่า ให้เราทำ Keyword เยอะๆในบทความหรือเนื้อหา เพราะมันไม่มีประโยชน์สำหรับยุคนี้ เมื่อ Google เปลี่ยนการจับเนื้อหาในเว็บไซต์ใหม่ ก็ทำให้วิธีนี้ไม่ได้ผลแล้ว แต่ก็ไม่ได้แปลว่า ในบทความของเราห้ามมีเลย ที่สำคัญคือ แก่นของเนื้อหา บางครั้งไม่ได้สอดคล้องไปกับ Keyword หลักที่ใช้พาดหัว เรื่องนี้มีส่วนเหมือนกันที่ทำให้คนคลิกเข้ามาอ่านแล้ว ไม่ได้กลับเข้ามาดูใหม่ และทำให้ความน่าเชื่อถือของเนื้อหาในเว็บลดลงด้วย
8.เน้นแชร์ทางโซเชียลมากๆ ก็ไม่ได้การันตียอดวิวเสมอไป
ยิ่งในเวลานี้ ทาง Facebook มีการปรับเปลี่ยนการเข้าถึง หรือ Reach ทำให้เราจะเห็นบรรดาเพจต่างๆที่มีคนไลค์จำนวนหลักแสนขึ้นไปน้อยลง ซึ่งเพจเหล่านั้นส่วนมากแล้วเดิมทีเป็นผลมาจากการทำ SEO หรือซื้อโฆษณา เพื่อเรียกยอดไลค์ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ไม่มีการทำเนื้อหาเพิ่ม คนก็เห็นน้อยลง หลายคนเลยหันมาใช้วิธีแชร์เนื้อหาในเว็บหรือในเพจออกไป เพื่อหวังจะเพิ่มยอดวิว
แต่กลายเป็นว่า บางครั้งยิ่งแชร์ อาจจะยิ่งไม่ได้ผล เพราะหลายคนเห็นเนื้อหาเดิมๆซ้ำไปมาในหลายกลุ่ม และมีกรณีที่ Facebook จับการแชร์เหล่านั้นแล้วไปแบนล็อคอินที่แชร์เนื้อหาบ่อยๆไปด้วย กลายเป็นข้อควรระวังไปในเวลานี้
โดยสรุป
ที่จริงแล้วก็ยังมี ปัญหาการทำ SEO อื่นๆ ที่พบบ่อย หากเจาะลงรายละเอียดเชิงลึกขึ้นไปอีก โดยเฉพาะในยุคนี้ที่การแข่งขันรุนแรง และระบบค้นหาของ Google มีการปรับเปลี่ยนอยู่ประจำ ดังนั้นแม้ว่า SEO จะมีความจำเป็น แต่ก็ควรผสมผสานไปกับการทำโฆษณาและการผลิต Content เชิงคุณภาพที่จะตอบโจทย์ผู้ค้นหาไปด้วย ย่อมดีที่สุด
===================================================================================
สำหรับผู้ที่สนใจอยากสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ G Suite สามารถติดต่อทีมงาน Metrabyte Cloud
ได้โดยตรงที่ Line : goo.gl/M5d1Xx หรือ Tel. 02-0263-124
และสามารถดูรายละเอียดเบื่องต้น ได้ที่ G suite : https://www.metrabyte.cloud/gsuite.php ครับ
Comments are closed.