3 บทเรียนในการทำ SEO เมื่อการใส่ คีย์เวิร์ด ในบทความมากๆ อาจไม่ได้รุ่งเสมอไป

3,499

Keyword Density” หรือหมายความถึง “การใช้ความหนาแน่นของ คีย์เวิร์ด” นี่เป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของการทำ SEO หรือก็คือ การใส่คำที่เป็น คีย์เวิร์ด ที่คนจะค้นหาลงไปในเนื้อหา Content ในเว็บไซต์ของเรามากๆครับ ซึ่งอันที่จริงแล้วเรื่องนี้เคยเป็นกลยุทธ์อย่างหนึ่งที่คนทำ Content และเจ้าของเว็บไซต์หลายคนชอบใช้กันมาก และเคยเป็นความเชื่อว่า เนื้อหาและบทความนั้นๆต้องทำ Title Tag หรือใส่คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับบทความนั้นลงไปเยอะๆ

แต่เวลานี้ วิธีการดังกล่าวตกยุคไปแล้วครับ

ปัจจุบัน การทำ SEO โดยใช้วิธี Keyword Density” ไม่สามารถจะการันตีได้อีกแล้วว่าเว็บไซต์ของคุณจะขึ้นมาติดหน้าแรกของ Google ได้นานๆหรืออยู่อย่างยั่งยืนได้ครับ

ลองมาดูกันว่า ปัญหาของการทำ SEO ที่หลงติดกับดักของการใส่ คีย์เวิร์ด มาเกินไป เป็นเพราะอะไรบ้าง

แล้วที่จริง เราควรทำอย่างไร ซึ่งนี่เป็นหนึ่งในบทเรียนของการทำ SEO ยุคใหม่เลยครับ

1.เมื่อ Google ฉลาดขึ้น

 

มีกรณีตัวอย่างเช่น คุณทำเว็บไซต์หรือเพจเกี่ยวกับการขายอาหารเสริมที่ช่วยเรื่องภูมิแพ้

แล้วเพื่อที่จะดันเว็บให้ขึ้นหน้าแรกของ Google คุณก็เลยใช้วิธีติด Tag คำว่าอาหารเสริมและช่วยแก้ภูมิแพ้เอาไว้เยอะๆในบทความ

OH วิธีแบบนั้นอาจจะได้ผลเมื่อ 10 ปีก่อน แต่ไม่ใช่กับยุคนี้ ไม่ใช่ในปี 2018 และหลังจากนี้ไปครับ

สาเหตุข้อหนึ่งเป็นเพราะว่าในเวลานี้ระบบค้นหา Google เองก็ได้อัพเกรดตัวเองขึ้นมา เช่นเดียวกับผู้บริโภคที่ต้องการรับสารและเสพข้อมูลดีๆ มากกว่าจะเข้าไปอ่านเนื้อหาที่บ้าใส่ Keyword ให้มากๆ เพียงเพื่อต้องการขึ้นในหน้าแรกๆของ Google

โอเคว่าสมัยก่อนอาจจะเป็นแบบนั้น แต่เวลานี้ไม่ใช่ ไม่ใช่ในปี 2018 และหลังจากนี้ไป เพราะมันหมดยุคสมัยที่คุณจะเน้น Keyword แต่เนื้อหาเบากลวงหรือเป็นเนื้อหาเรียกแขกเพียงอย่างเดียวแล้ว

นั่นเพราะทุกวันนี้ระบบการค้นหาและจัดอันดับบน Google ไม่ได้โง่หรือหลอกง่ายขนาดนั้น การที่หลายคนนิยมการใช้วิธี Tag Keyword ที่เกี่ยวข้องด้วยเยอะๆในบทความหรือที่ลงไว้คำโปรยมากกว่าจะเน้นคุณภาพของเนื้อหาในบทความ จึงเป็นวิธีที่ตกสมัยไปแล้วครับ

 

2.คนอ่านก็ต้องการบทความเชิงคุณภาพ

 

เพราะนี่คือ ยุคที่คุณต้องแข่งขันด้วย “เนื้อหาเชิงคุณภาพ” แล้วต้องผสมผสานกับปัจจัยอื่นๆ เช่นการทำ SEO การหมั่นอัพเดทอย่างต่อเนื่อง การเขียนและลง Keyword ที่เฉพาะเจาะจงกับกลุ่มผู้อ่านมากขึ้น แล้วยังไม่รวมปัจจัยอื่นๆอีกหลากหลายที่คุณจำเป็นต้องอัพเดทกันแทบทุกวัน เพราะสถานการณ์และกระแสในโลกเปลี่ยนไปเร็วทุกเดือนและทุกปี

นอกจากนี้ ระบบอัลกอริธึมของ Google ก็ทำให้การประมวลผลสำหรับการค้นหาเว็บไซต์ต่างๆ ทำให้ Keyword ที่เหมาะสมจะนำมาใช้ทำต่อ 1 หน้าของเว็บเพจ จะถูกจำกัดแค่ 2-5 คำเท่านั้น

แล้วจริงอยู่ที่ว่า การทำ SEO อาจจะมีข้อด้อยจะมีอยู่บ้าง นั่นก็คือการขึ้นไปติดอันดับแรกๆใน Google จะต้องใช้เวลานานกว่าการจ่ายโฆษณา แต่ค่าใช้จ่ายจะมีน้อยกว่า และโอกาสที่เว็บหรือเพจของคุณจะตรงกับความต้องการของลูกค้าและกลุ่มเป้าหมายก็มีมากกว่าด้วย ที่สำคัญคือ เมื่อติดอันดับในหน้าแรกแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมด้วย

 

3.พาดหัวดราม่า แต่สุดท้ายคุณก็ต้องทำเชิงคุณภาพอยู่ดี

 

การทำ SEO ก็มีวิชามารอยู่มากเหมือนกัน กลยุทธ์อย่างหนึ่งที่ใช้กันมากก็คือ การใช้คีย์เวิร์ดมาเป็นหัวใจในการพาดหัวเรียกแขก หรือจงใจตั้งประเด็นดราม่า ทั้งที่บางเรื่องอาจจะไม่ได้เป็นดราม่าจริงๆก็ได้

ในฐานะผู้ที่คลุกคลีกับการเขียนงานในระดับต่างๆมานานกว่า 15 ปี เรื่องการเขียนบทความ และการพาดหัว Title Tag นั้นมีเทคนิคมากมายในการนำข้อความหรือบทสัมภาษณ์ของผู้เกี่ยวข้องมาตัดเพียงคำพูดที่ชวนเรียกกระแสดราม่า แล้วเอาอันเต็มใส่ไว้ในบทความ ซึ่งที่จริงมันอาจจะไม่ได้ดราม่าเลย แต่โดยธรรมชาติของผู้อ่านมักจะอ่านแค่หัวเรื่องหรือข้อความที่ภาพตัดแปะมาใส่ข้างภาพของคนพูดเท่านั้น

นี่เป็นกลยุทธ์ที่สำนักข่าวและเพจหลายแห่งนิยมใช้กันอยู่ ซึ่งอาจจะสามารถใช้เรียกยอดวิวหรือยอดไลค์ได้ก็จริง

แต่เชื่อเถอะครับว่า ในระยะยาวแล้ว วิธีนี้ไม่ควรทำครับ

เพราะท่านเชื่อหรือไหมว่า สุดท้ายแล้วเพจเหล่านั้นก็ต้องมา Re-Branding นำบทความเชิงคุณภาพมาลง เพื่อที่จะสร้างความน่าเชื่อถือกลับมาอยู่ดีนั่นเองครับ

 

 

สรุ

 

ดังนั้นแทนที่จะไปทุ่มหรือเสียเวลากับเรื่องใส่ Keyword เพียงอย่างเดียว ยุคนี้ควรใช้เวลาไปกับการหาข้อมูล ค้นคว้า หรือออกไปข้างนอก แล้วเขียนบทความที่มีคุณภาพ และทำให้คนทั่วไปอ่านเข้าใจได้ง่ายดีกว่าครับ แล้วคุณค่อยใช้กลยุทธ์ Keyword Density” เข้ามาเสริม แบบนั้นก็ยังได้

ดังนั้นจึงอยากเตือนทุกท่านว่าใครหลงทางกับความคิดที่ว่า การลง Keyword ดังๆหรือเกี่ยวกับเว็บไซต์นั้นๆให้มากๆแล้ว เว็บของเราจะขึ้นมาหน้าแรกๆของ Google ขอบอกเลยว่านี่คือความคิดที่อาจจะไม่ถูกต้องเสมอไปครับ เพราะเป็นแนวทางที่ตกยุคไปแล้ว แต่ต้องวัดกันที่ “คุณภาพ” เป็นอันดับแรก

 

===================================================================================

สำหรับผู้ที่สนใจอยากสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ G Suite สามารถติดต่อทีมงาน Metrabyte Cloud

ได้โดยตรงที่ Line : goo.gl/M5d1Xx หรือ Tel. 02-0263-124

และสามารถดูรายละเอียดเบื่องต้น ได้ที่ G suite : https://www.metrabyte.cloud/gsuite.php ครับ

Comments are closed.