ธุรกิจ คลาวด์ ในประเทศไทยต้องจับตา เมื่อ Tencent ขยาย Data Center รุกตลาดอาเซียน
เชื่อว่าหลายคนคงรู้จักกับ บริษัท Tencent ผู้พัฒนา WeChat ที่เป็นแอพลิเคชั่นสำหรับแชทและการติดต่อสื่อสารที่คนจีนนิยมใช้กันมากที่สุด และนอกจากนี้ยังเป็นบริษัทที่อยู่เบื้องหลังในการสนับสนุนทางด้านการพัฒนาทางนวัตกรรมเทคโนโลยี และเป็นแบ็กอัพให้กับผู้พัฒนาแอพลิเคชั่นยักษ์ใหญ่ของจีนอีกนับไม่ถ้วน รวมถึงได้ชื่อว่าเป็นคู่แข่งรายสำคัญของ Aliababa ของแจ็คหม่าด้วย
สำหรับ Tencent เป็นบริษัทที่ผงาดขึ้นมาได้เนื่องจากการครองเกมออนไลน์ ซึ่งเวลานี้ครองส่วนแบ่งอันดับหนึ่งของจีน แต่ไม่เพียงเท่านั้น พวกเขายังรุกคืบเข้ามาทำตลาดกับประเทศไทยและหลายประเทศในอาเซียนด้วย โดยที่หลายคนพอจะทราบกันแล้วก็คือ การเข้ามาทำร่วมมือกับเครือเซ็นทรัล เพื่อเปิดให้บริการ JD Central ซึ่งเป็นเว็บอีคอมเมิร์ซที่ต้องการเจาะตลาดในประเทศไทย แม้ว่าจะยังทำได้ไม่เท่ากับ Lazada หรือ Shopee มากนัก
นอกจากทางด้านอีคอมเมิร์ซแล้ว Tencent ยังได้ขยายตลาดเข้ามาสู่ธุรกิจ คลาวด์ (Cloud Computing) มากขึ้นด้วย โดยเฉพาะในประเทศไทย ซึ่งทาง Tencent ได้เล็งเห็นว่า ประเทศไทยจะกลายเป็นฮับใหญ่ที่สุดตลาดทางด้านอีคอมเมิร์ซและอีกหลายด้านในภูมิภาคอาเซียนแน่นอน
ซึ่งสัญญาณแรกของ Tencent ที่ผ่านมาก็คือการเข้าซื้อกิจการของ Sanook ซึ่งเป็นเว็บไซต์ประเภท Search Engine ของไทยที่เคยได้รับความนิยมมาก่อนที่จะเสียตำแหน่งให้กับ Google ในเวลานี้
สำหรับกลยุทธ์การรุกสู่ตลาดอาเซียนของ Tencent นับว่าน่าสนใจมาก โดยจากการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีนสมัยที่ 13 ประธานบริษัท Tencent คือนายหม่าฮั่วเถิ่ง ก็ได้ออกมาประกาศว่า ทางบริษัทกำลังอยู่ระหว่างก่อสร้างศูนย์ข้อมูล Data Center ขนาดใหญ่ขึ้นในเมืองใหม่กุ้ยอาน มณฑลกุ้ยโจว โดยมีการคาดการณ์ว่า จะทำการติดตั้ง Server เพื่อเชื่อมต่อกับ ระบบคลาวด์ ซึ่งกำลังเป็นนวัตกรรมมาแรงในเวลานี้ ซึ่ง Data Center ดังกล่าวนี้มีพื้นที่ราว 320 ไร่เลยทีเดียว
ทางด้านหม่าฮั่วเถิ่ง ยังให้สัมภาษณ์ว่า “กุ้ยโจวนับเป็นมณฑลที่มีอุณหภูมิเหมาะสมสำหรับการจัดเก็บข้อมูลใน Server โดยเฉพาะการเชื่อมต่อกับฐานข้อมูล Clouds ในภาคอุตสาหกรรม”
นอกจากนี้ Tencent ยังได้สร้าง Intelligent Retail เพื่อสำหรับให้บริการประมวลผลฐานข้อมูล Digital ให้ผู้ค้าปลีก เพื่อทำให้สามารถประเมินสินค้าและลักษณะประเภทของสินค้าที่เป็นที่นิยม พฤติกรรมของผู้บริโภค ช่วงเวลาในการซื้อ แล้วนำไปเก็บบันทึกไว้ใน Cloud เพื่อเป็นฐานข้อมูลสำหรับการวิเคราะห์ให้ได้แนวทางสำหรับผู้ค้าที่ดีที่สุด ซึ่งคาดว่าต่อไปก็จะสามารถใช้เชื่อมต่อข้อมูลเหล่านี้กับ Function ของ WeChat ได้ด้วย
สำหรับธุรกิจคลาวด์ ถูกคาดหมายว่าจะมีการเติบโตมากกว่า 1.03 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2020 อีกทั้งจะมีอุปสงค์ของบริษัท หน่วยงาน และองค์กรภาคเอกชนในด้านนี้เพิ่มขึ้นด้วย
การทำ Data Center ครั้งนี้ จึงเป็นก้าวสำคัญที่ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการทำระบบ คลาวด์ ก็จำเป็นต้องจับตามองไว้ เพราะ Tencent อาจจะกลายเป็นผู้เล่นรายใหญ่ที่จะบุกเข้ามาในไทยเร็วๆนี้ ซึ่งสำหรับผู้ให้บริการด้าน Cloud ในไทยก็จำเป็นต้องปรับตัวเพื่อรองรับการเข้ามาของทุนใหญ่เพื่อที่จะปรับตัวสู้ต่อในอนาคต
เกร็ดน่ารู้ : ปัจจุบัน WeChat ที่พัฒนาโดย Tencent เป็นแอพลิเคชั่นที่คนจีนใช้งานสูงสุดถึง 1,000 ล้านคน และมียอดการใช้งานโดยเฉลี่ยต่อเดือนสูงถึง 600 ล้านคน
=================================================================
สำหรับผู้สนใจบริการคลาวด์ สามารถติดต่อได้กับทางบริษัท หรือทางหน้าเพจครับ รวมถึงบริการทำ SEO และเครื่องมือทำเว็บไซต์สำเร็จรูป Dooweb เพื่อให้ท่านได้เป็นเจ้าของเว็บไซต์ของตนเองได้อย่างง่ายๆ ช่วยเพิ่มโอกาสและยอดขายสินค้าไปจนถึงทำการตลาดออนไลน์สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ “อีเมล์สำหรับธุรกิจ G Suite” และ “เครื่องมือสร้างเว็บไซต์สำเร็จรูป Dooweb” รวมถึงบริการอื่นๆ
สามารถติดต่อทีมงาน Metrabyte Cloud ได้โดยตรงที่ Line : goo.gl/M5d1Xx หรือ Tel. 02-0263-124
และสามารถดูรายละเอียดเบื่องต้น ได้ที่ G suite : https://www.metrabyte.cloud/gsuite.php ครับ
Comments are closed.